‘‘ทหรา ตฺวํ รูปวตี, อหญฺจ ทหโร สุสุ;
ปญฺจงฺคิเกน ตุริเยน, เอหยฺเยภิรมามเส’’ติ [เอหิ อยฺเย รมามเสติ (สี.)]ฯ
อถ โข วิชยาย ภิกฺขุนิยา เอตทโหสิ – ‘‘โก นุ ขฺวายํ มนุสฺโส วา อมนุสฺโส วา คาถํ ภาสตี’’ติ? อถ โข วิชยาย ภิกฺขุนิยา เอตทโหสิ – ‘‘มาโร โข อยํ ปาปิมา มม ภยํ ฉมฺภิตตฺตํ โลมหํสํ อุปฺปาเทตุกาโม สมาธิมฺหา จาเวตุกาโม คาถํ ภาสตี’’ติฯ อถ โข วิชยา ภิกฺขุนี ‘‘มาโร อยํ ปาปิมา’’ อิติ วิทิตฺวา มารํ ปาปิมนฺตํ คาถาหิ ปจฺจภาสิ –
‘‘รูปา สทฺทา รสา คนฺธา, โผฏฺฐพฺพา จ มโนรมา;
นิยฺยาตยามิ ตุยฺเหว, มาร นาหํ เตนตฺถิกาฯ
‘‘อิมินา ปูติกาเยน, ภินฺทเนน ปภงฺคุนา;
อฏฺฏียามิ หรายามิ, กามตณฺหา สมูหตาฯ
‘‘เย จ รูปูปคา สตฺตา, เย จ อรูปฏฺฐายิโน [อารุปฺปฏฺฐายิโน (สี. ปี.)];
ยา จ สนฺตา สมาปตฺติ, สพฺพตฺถ วิหโต ตโม’’ติฯ
อถ โข มาโร ปาปิมา ‘‘ชานาติ มํ วิชยา ภิกฺขุนี’’ติ ทุกฺขี ทุมฺมโน ตตฺเถวนฺตรธายีติฯ
5. อุปฺปลวณฺณาสุตฺตํ
[166] สาวตฺถินิทานํฯ อถ โข อุปฺปลวณฺณา ภิกฺขุนี ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา…เป.… อญฺญตรสฺมิํ สุปุปฺผิตสาลรุกฺขมูเล อฏฺฐาสิฯ อถ โข มาโร ปาปิมา อุปฺปลวณฺณาย ภิกฺขุนิยา ภยํ ฉมฺภิตตฺตํ โลมหํสํ อุปฺปาเทตุกาโม สมาธิมฺหา จาเวตุกาโม เยน อุปฺปลวณฺณา ภิกฺขุนี เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อุปฺปลวณฺณํ ภิกฺขุนิํ คาถาย อชฺฌภาสิ –
‘‘สุปุปฺผิตคฺคํ อุปคมฺม ภิกฺขุนิ,
เอกา ตุวํ ติฏฺฐสิ สาลมูเล;
น จตฺถิ เต ทุติยา วณฺณธาตุ,
พาเล น ตฺวํ ภายสิ ธุตฺตกาน’’นฺติฯ